ทะเลทรายโกบี ประวัติ เป็นอย่างไร?
ทะเลทรายโกบี มีที่ตั้งอยู่ระหว่างรอยต่อ เขตปกครองตนเองมงโกลเลียทางตอนเหนือ ของประเทศจีน และประเทศมงโกเลียใต้ ทะเลทรายโกบี ตั้งอยู่บนที่ราบสูง เหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 900 – 1,500 เมตร มีพื้นที่ทั้งหมด 1.3 ล้านตารางกิโลเมตร เท่ากับว่าใหญ่กว่าประเทศไทย 2.5 เท่า ทะเลทรายทอดเป็นแนวโค้งยาว 1,600 กิโลเมตร
มีเทือกเขาอัลไตและทุ่งหญ้าสเตปป์ ทะเลทรายโกบีใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก รองจาก ทะเลทรายแอนตาร์กติกา ทะเลทรายอาร์ติค ทะเลทรายซาฮาร่า และทะเลทรายอาหรับ
ทะเลทรายโกบีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร นั้นก็คือส่วนใหญ่เป็นที่ราบและทุ่งหญ้า ในดินแดนแถบนี้ มักค้นพบชิ้นส่วนทางประวัติศาสตร์ นั้นคือฟอสซิลไดโนเสาร์ จึงถูกสันนิษฐานโดยนักโบราณคดี ได้ว่า
พื้นที่แถบนี้คงมีความอุดมสมบูรณ์ เพราะมีการค้นพบฟอสซิล ไดโนเสาร์ชนิดต่างๆเป็นจำนวนมาก มีอายุราวๆ 70 ล้านปี ทำให้พื้นที่แถบนี้มีความเก่าแก่อย่างมาก ปัจจุบันทะเลทรายโกบี
เป็นที่อยู่ของสัตว์หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ม้า อูฐ ลา กวางหางคำ และพังพอนหินอ่อน ซึ่งม้าและอูฐ จะมีจำนวนมากในแถบนี้ ทำให้ในอดีตชาวมงโกล หรือ ชนเผ่าต่างๆในอดีต
มักมาจับม้าในแถบนี้เช่นกัน เพื่อใช้ในประโยชน์ในการดำรงชีวิต พื้นที่แถบนี้ผ่านช่วงเวลาประวัติศาสตร์ มาอย่างยาวนาน แต่ด้วยความกว้างของทะเลทราย ทำให้ในพื้นที่แถบนี้ไม่มีคนอยู่อาศัย เพราะเป็นการดำรงชีวิต แบบย้ายถิ่นฐานไปเรื่อย ทำให้ดินแดนแถบนี้ยังคง ด้วยธรรมชาติที่งดงาม จนถึงปัจจุบันที่กลายมา เป็นสถานที่ท่องเที่ยว
ทะเลทรายโกบี เป็น มรดกโลกได้อย่างไร?
ความงดงามที่ถูกปกป้อง ด้วยธรรมชาติเป็นเวลาอย่างยาวนาน ในอดีตพื้นที่ตรงนี้ เป็นเส้นทางสายใหม่ เส้นทางการค้าจากจีนสู่ยุโรป จนกระทั่งเกิดขึ้นของเมืองๆ หนึ่งที่อยู่ท่ามกลางทะเลทรายและ ได้ถูกบันทึกไว้เป็นมรดกโลกของ ประเทศจีนอีกด้วย นั้นก็คือเมืองตุนหวง (Dunhuang) เมืองโบราณที่เหมือนเป็นดั่ง โอเอซิส
ในเขตทะเลทรายโกบี ถือว่าเป็นเมืองๆหนึ่ง ที่เป็นทางผ่านเส้นทางการค้า ทำให้เมืองนี้มีอารยธรรมที่เก่าแก่ และวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ยังคงอยู่ การเดินทางไปเมืองตุนหวงไม่ยาก
เพียงแค่นั่งเครื่องบินไปลงที่ ท่าอากาศสยานตุนหวง จากนั้นนั่งแท็กซี่เข้าตัวเมืองประมาณ 10 นาที ค่าใช้จ่ายประมาณ 17-21 หยวน ในการนั่งรถแท็กซี่เที่ยวชม สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
ภายในเมือง แนะนำให้เหมารถเที่ยวทั้งวัน เพื่อความคุ้มค่าและสะดวกสบายของเรา ป้ายหรือสัญลักษณ์ต่างๆ ภายในเมืองเป็นภาษาจีน จึงทำให้ชาวต่างชาติที่มาเที่ยว อาจเกิดความงุนงงได้
เพราะเมืองนี้ยังไม่ได้รับพัฒนาการท่องเที่ยว ป้ายต่างๆเลยยังไม่ได้มีภาษาอังกฤษ ช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การมา เที่ยวเมืองตุนหวง คือช่วงเดือน พฤษภาคม – ตุลาคม เป็นช่วงเวลาที่อากาศเย็นสบาย
ไม่ร้อนและไม่หนาวมากเกินไป เห็นเป็นทะเลทรายแบบนี้ ช่วงเวลากลางคืนอากาศหนาวได้เหมือนกัน สถานที่เที่ยวในเมืองนี้มีอยู่ 2 ที่ที่เป็นไฮไลท์ของเมืองนี้ เป็นสถานที่บ่งบอกถึงอารยธรรมโบราณ ของเส้นทางการค้าแห่งนี้ การผสมผสานทางวัฒนธรรม ทางตอนเหนือของจีน ด้วยความงดงามของสถานที่นี้ ทำให้ถูกบันทึกไว้ในมรดกโลก ควรค่าแก่การอนุรักษ์
ทะเลทรายโกบีมี สถานที่ท่องเที่ยว ในเมืองตุนหวงอะไรบ้าง?
สถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่นของที่นี้ มีด้วยกันอยู่ 2 ที่ นั้นก็คือ ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว และ วัดถ้ำตุนหวง เราจะมาพูดถึงทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวก่อน ที่แห่งนี้มีอีกชื่อหนึ่งที่เรียกว่า ทะเลสาบเย่ว์เฉวียนในภาษาจีน เป็นสถานที่โอเอซิสกลางทะเลทราย โดยที่ธรรมชาติทรายล้อมรอบ เหตุที่เรียกชื่อทะเลสาบแห่งนี้ว่า พระจันทร์เสี้ยว
ก็เพราะว่าหากมองลงมาจากมุมสูง ทะเลสาบแห่งนี้มีรูปร่างคล้าย พระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ถือว่าเป็นทะเลสาบที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ที่ติดอันดับสวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้
โดยรอบนั้นมีเนินทรายยาวถึง 6 กิโลเมตร น้ำในทะเลสาบเขียวสดใสสวยงาม ความมหัศจรรย์ของที่นี้คือ เหตุที่ทะเลสาบแห่งนี้ ไม่โดนทรายทับถม ก็เพราะทิศทางลมของที่นี้
ได้พัดจากข้างล่างไล่ไปข้างบน ทำให้ด้านล่างเนินที่เป็นทะเลสาบ ไม่ถูกทรายกลบบ่อ อีกด้านของทะเลสาบนั้นเป็นวัดจีน และที่ตั้งของเจดีย์ ศิลปะแบบราชวงค์ฮั่น
เพื่อเป็นสถานที่ทำบุญและพักผ่อนสำหรับนักท่องเที่ยว ภายในมีร้านค้าอำนวยความสะดวก ให้กับนักท่องเที่ยว ความงามของที่นี้ ได้ทำให้ที่แห่งนี้เป็นโอเอซิสที่สมบูรณ์
สวยงามคุณค่าแก่โอเอซิสมรดกของโลกจริงๆ สถานที่ต่อมาก็คือ วัดถ้ำตุนหวง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งมรดกโลก ในพื้นที่ทะเล ทรายแห่งนี้ ที่แห่งนี้ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ บนหน้าผาเขาหมิงซา
หน้าผาแห่งนี้ถูกเจาะเป็นถ้ำถึง 492 ถ้ำ ภายในบรรจุพุทธประติมากรรม และภาพเขียนพุทธประวัติ ในอดีตที่แห่งนี้ได้ประกอบพิธีทางพุทธศาสนา นอกจากนี้ยังได้รับการยกย่องว่า เป็นแหล่งพุทธศิลป์ที่ยิ่งใหญ่ของประเทศจีนอีกด้วย ทั้งสองที่นั้นมีความงามเฉพาะตัว หากใครที่ได้เดินทางมาเที่ยวที่นี้ อาจจะต้องชอบอย่างแน่นอน
ทะเลทรายโกบีมีความแตกต่าง จากทะเลทรายที่อื่นอย่างไร?
จุดเด่นของทะเลทรายโกบี ที่ไม่เหมือนใครเลยนั้นคือ ลักษณะเป็นที่ราบ และดูมีความชุ่มชื่นมากกว่าที่อื่น ทำให้ทะเลทรายโกบีนั้นกลายเป็นเส้นทางการค้า ที่เชื่อมไปยังทวีปยุโรป ก็เพราะการเดินทางไม่อยากลำบาก ถ้าเทียบกับทะเลทรายที่อื่น เพราะที่นี้มีกมีการเกิดโอเอซิส บนทะเล ทรายแห่งนี้ คาดว่าในอดีตยุคก่อนประวัติศาสตร์ สมัยยุคน้ำแข็งไดโนเสาร์
ทะเลทรายโกบีนั้น เหมือนเป็นพื้นที่กว้างปกคลุมเต็มไปด้วยน้ำแข็ง ต้นไม้ต่างๆ หรือความสมบูรณ์ทางระบบนิเวศ พอเริ่มหมดยุคน้ำแข็ง น้ำแข็งที่กำลังละลายนั้น ได้พาไดโนเสาร์สูญพันธ์ไปด้วย
เพราะด้วยสภาพ อากาศของโลกที่เปลี่ยนไป เมื่อน้ำแข็งละลายอาหารและความสมบูรณ์หายไป พื้นที่บริเวณทะเลทรายโกบีนั้น จึงมีฟอสซิลจำนวนเยอะและคาดว่าใต้พื้นดินนั้น ยังคงมีทรัพยากรที่สมบูรณ์
ที่ยังไม่ถูกค้นพบจำนวนมากอีกด้วย เมื่อไม่นานมานี้ทางประเทศจีนเอง ก็เพิ่งได้ค้นพบความงามของทะเลสาบโอเอซิส รูปเสี้ยวพระจันทร์ ด้วยเสน่ห์ความงดงามของมัน ทางการจึงได้จัดทำให้เป็น
สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่ชาวโลกน้อยนักจะรู้จักสถานที่แห่งนี้ ทะเลทรายโกบีนั้นดูมีชีวิตชีวา มากกว่าทะเลาทรายที่อื่น ที่ดูแห้งแล้งและร้อนจนแสบผิว แต่ที่นี้เหมือนเป็นสถานที่พักตากอากาศ
ที่รายล้อมไปด้วยทะเลทรายมากกว่า จะเป็นทะเลทรายเหมือนกับที่อื่น สาเหตุที่โกบีได้กลายเป็นทะเลทรายนั้น ก็เพราะเทือกเขาหิมาลัย เป็นตัวขวางกั้นเมฆฝน และความชิ้น ที่มายังทะเลทรายโกบี แต่ก็ไม่สามารถทำลายความงดงาม ของทะเลทรายโกบีแห่งนี้ลงได้
สรุปการเดินทางที่ได้ จากการมาเที่ยวทะเลทรายโกบีเป็นอย่างไร?
ทะเลทรายโกบีนั้น สามารถเดินทางมาไม่ยาก ในการเดินทางมาที่นี้ แค่เพียงนั่งเครื่องมาลงยัง ท่าอากาศยานปักกิ่ง แล้วต่อเครื่องมาลงยังเมืองตุนหวงได้สะดวก เท่านี้เราก็อยู่ในเมืองที่ถูกล้อมรอบ ด้วยทะเลทรายแล้ว การเดินทางมาเที่ยวนี้แห่งนี้ เหมือนเราเดินทางมาดูจุดเริ่มต้น ของ การติดต่อทางการค้าโบราณ อันเก่าแก่ที่คมนาคมด้วย
การเดินทางไปพร้อมกับสินค้าและสัตว์เลี้ยง เป็นระยะทางที่ไกลแสนไกล อารยธรรมต่างๆที่เก่าแก่ เมืองนี้ยังมีการถ่ายทอดหลงเหลือมาให้เห็น มรดกทางวัฒนธรรมที่นี้นั้น สืบทอดผ่านทางอาหารท้องถิ่น
และวิถีชีวิตของชาวบ้าน ที่แห่งนี้ ศิลปะและสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ ได้หลอมรวมอยู่ร่วมกับชุมชนที่นี้ มาอย่างยาวนาน ผ่านช่วงเวลาประวัติศาสตร์มากมาย บนโลกแห่งนี้เพื่อปรับตัวสำหรับการอยู่รอด
สันโดษในพื้นที่อันห่างไกลแบบนี้ ความสันโดษห่างไกลความเจริญ ทำให้วิถึชีวิตชุมนุมของคนในเมืองนี้ ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมนัก คนรุ่นใหม่ต่างออกไปทำงาน หาโอกาสในเมืองใหญ่ๆ ส่วนที่หลงเหลืออยู่ก็มีเพียงเด็ก
คนแก่ ที่อาศัยอยู่ในเมือง ทำให้เมืองแห่งนี้ดูมีความเหงาอยู่ไม่ใช่น้อย ธรรมชาติของที่นี้ได้สอน ให้คนในเมืองเข้าใจและเคารพต่อธรรมชาติ น้ำดื่มที่เกิดจากโอเอซิสกลางทะเลทรายมีอยู่อย่างจำกัด
คนที่นี้เลยเข้าใจและรักษาสมดุล ของการใช้ชีวิตที่ไม่เบียดเบียนธรรมชาติ ความเชื่อและศาสนา คนที่นี้นับถือพุทธนิกายมหายาน คล้ายกับคนในประเทศไทย เพียงแต่ลักษณะความเชื่อหรือพิธี
อาจแตกต่างเล็กน้อย จนทำให้ดูเหมือนอยู่ในย่านคนไทนเชื้อสายจีน ทะเลทรายโกบี มีเสน่ห์ชวนหลงใหลในตัว จนทำให้ใครหลายๆคนที่ชื่นชอบธรรมชาติ ต่างอยากมาสัมผัสกับสถานที่ แห่งนี้ทั่วทุกมุมโลกเลยก็ว่าได้
จึงทำให้มองว่าการมาท่องเที่ยว ชมความงามทะเลทรายโกบี นั้นได้ให้ประสบการณ์ที่ดีกลับมา นับว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้สัมผัสการท่องเที่ยวธรรมชาติ ที่ติดอยู่ในมรดกของโล
นับว่าเป็นความคุ้มค่าอย่างมาก อีกอย่างอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทย หากกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติทะเลทราย ไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงตะวันออก เราก็สามารถเดินทางมาชมความงาม ของทะเลทรายโกบีที่เรียกได้ว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียเลยก็ว่าได้